ระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ Opticruise และ แชสซีส์ใหม่ของ Scania
ระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ Scania opticruise G25 และ G33
สมรรถนะเครื่องยนต์ชั้นนำของอุตสาหกรรมต้องการระบบเกียร์ที่มีประสิทธิภาพสูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ Scania Opticruise ที่มีให้เลือกใช้งานในสองระดับสมรรถนะ G25 และ G33 เป็นตัวกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมสูงสุดสำหรับประสิทธิภาพของระบบเกียร์
นี่คือระบบเปลี่ยนเกียร์ Opticruise และแชสซีส์ ใหม่
ระบบเกียร์ออพติครูส
ด้วยการจัดการระบบส่งกำลังโดยรวมอย่างแท้จริง อัตราทดเฟืองที่กว้างกว่าของระบบเปลี่ยนเกียร์ Opticruise พร้อมทั้งการกระจายกำลังไปยังเฟืองท้ายที่รวดเร็วกว่า ทำให้สามารถส่งกำลังโดยไม่มีการสะดุด ผ่านระบบส่งกำลังใหม่ และได้แรงบิดของเครื่องยนต์สูงขึ้นที่รอบต่ำลง
แชสซีส์
Scania ขอแนะนำแชสซีส์ที่ใช้งานได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยพื้นฐานตามระบบโมดูลาร์ Scania กับแชสซีส์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น MACH ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแชสซีส์แบบโมดูลาร์ของ Scania ที่ช่วยให้คุณสามารถกำหนดและใช้งานรถบรรทุก Scania ในแบบที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานในธุรกิจของคุณได้อย่างแท้จริง
ระบบเกียร์ Opticruise ของ Scania G25 และ G33
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในระบบเกียร์อัจฉริยะที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในตลาด ระบบเปลี่ยนเกียร์ Opticruise ของ Scania ยังคงเป็นตัวเลือกชั้นนำสำหรับการดำเนินการขนส่งที่ยั่งยืนและประหยัดเชื้อเพลิง
- การเปลี่ยนเกียร์ที่เร็วและนุ่มนวลขึ้น ให้ความสบายและการควบคุมที่ดีเยี่ยม
- รวมเข้ากับความสามารถในการออกตัวที่ดีกับอัตราทดเพลาหลังอย่างช้า
- มีจำหน่ายในเวอร์ชันความเร็ว 12+2 สปีด พร้อมฟังก์ชันเกียร์ทดพิเศษสำหรับไต่คลานและโอเวอร์ไดร์ฟ
- เกียร์ถอยหลังสามาถใส่ได้มากสูงสุดถึง 8 ระดับ ออกแบบมาสำหรับความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าความเร็วรถจะสูงหรือต่ำ
- ช่วงอัตราทดที่กว้างกระจายตั้งแต่เกียร์ทดพิเศษสำหรับไต่คลานอัตราทด 1:20.8 จนถึงอัตราทดเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟที่ 1:0.777
- กลยุทธ์ Adaptive shift จะอ้างอิงตามสไตล์การขับขี่ น้ำหนักบรรทุกและความลาดเอียงของถนน
- ระยะการเข้ารับการบำรุงรักษาที่นานขึ้่น ส่งผลให้มีเวลาวิ่งงานที่มากขึ้นและช่วยลดต้นทุน
- ช่วงระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยการเพิ่มตัวกรองน้ำมันเครื่องที่ใหญ่และมีความแม่นยำสูงขึ้น และการใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูง
- ระบบเปลี่ยนเกียร์ Opticruise G25 และ G33 ของ Scania ให้กำลังเริ่มต้น (พีทีโอ-PTO) แบบขับด้วยคลัตช์น้ำหนักเบาที่ทรงพลังมากขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงและเสียงรบกวนต่ำ ทำให้มีกำลังเครื่องยนต์ที่สูงต่อเนื่องเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมาก
ระบบเปลี่ยนเกียร์ Opticruise ของ Scania เป็นกุญแจสำคัญของศักยภาพการประหยัดเชื้อเพลิงของแพลตฟอร์มระบบส่งกำลังใหม่ น้ำหนักเบา กะทัดรัด ราบรื่นและรวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องยนต์ 13 ลิตร
เมื่อนักพัฒนาเครื่องยนต์ของ Scania พยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อสร้างแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สันดาปที่สะอาดและกะทัดรัดที่สุดที่โลกเคยมีมา พวกเขาทำให้เครื่องยนต์มีสภาวะที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อศักยภาพสูงสุด นี่คือสาเหตุว่าทำไม แม้แต่ในช่วงเริ่มต้นของโครงการพัฒนา จึงมีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างนักพัฒนาเครื่องยนต์ของ Scania และเพื่อนร่วมงานในระบบเกียร์และระบบส่งกำลังของพวกเขา
Peer Norberg วิศวกรอาวุโสในทีมพัฒนาระบบส่งกำลังของ Scania กล่าวว่า "วิธีการเช่นนี้ทำให้เราสามารถออกแบบระบบส่งกำลังจากศูนย์ ด้วยมุมมองแบบองค์รวม"
Per Arnelöf วิศวกรผู้เชี่ยวชาญในทีมพัฒนาระบบเกียร์ ของ Scania กล่าวเสริมว่า
"มันให้แรงบันดาลใจกับเราเป็นอย่างมาก ที่ได้พูดคุยกับช่างเทคนิคเครื่องยนต์ตั้งแต่ต้น และตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเราสามารถไปได้ไกลแค่ไหนกับเครื่องยนต์สันดาปภายในในแง่ของประสิทธิภาพ ตั้งแต่แรกเริ่ม เราไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการออกแบบระบบเกียร์ที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบส่งกำลังทั้งหมดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
"คุณสมบัติหลายอย่างของระบบเกียร์ G25 ถูกนำมาใช้ใน G33 แล้ว แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือการที่เราสามารถก้าวไปอีกขั้น ตัวอย่างเช่น การลดการสูญเสียภายใน" Norberg กล่าว
Arnelöf กล่าวเสริมว่า "ระบบเกียร์เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างยอดเยี่ยม มันตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และราบรื่น และจากที่เราแก้ไขเรื่องเสียงด้วย เสียงเกียร์จึงเงียบมาก ไม่มีเสียงหอนและเสียงกระทบกันดังเหมือนรุ่นก่อน"
คุณลักษณะสำคัญของแพลตฟอร์มระบบเกียร์ Scania คือการเพิ่มช่วงอัตราทดเฟืองให้มากขึ้น โดยมากกว่ารุ่น GRS905 เดิมไปอีก 60 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้สามารถปรับเฟืองเพลาหลังให้เหมาะกับรอบเครื่องยนต์ต่ำที่ความเร็วคงที่ได้โดยไม่กระทบต่อความสามารถในการออกตัว ถือเป็นข่าวดีในแง่ของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษ
"มันทำให้เราสามารถไปต่อในการทำให้เครื่องยนต์มีรอบต่ำลง คุณสามารถวิ่งบนทางหลวงด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. บนเกียร์ 12 แล้วเปลี่ยนเป็นโอเวอร์ไดร์ฟเมื่อเจอทางลาดลงเขาเล็กน้อย มาที่ความเร็วรอบ 850 ได้อย่างน่าทึ่ง" Arnelöf กล่าว
"ระบบเกียร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้อย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ 8 เปอร์เซ็นต์โดยรวม สำหรับระบบส่งกำลัง Scania Super ทั้งหมด" Norberg กล่าว
แชสซีส์
ออกแบบมาเพื่อให้กระบวนการการประกอบตัวถังเข้ากับรถง่ายขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการกระจายโหลด น้ำหนักบรรทุกสินค้า และช่วงการทำงานของรถบรรทุก Scania ของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทนทานหลายขนาด
Scania ขอแนะนำถังน้ำมันเชื้อเพลิงอะลูมิเนียมรูปตัว D ที่มีขนาดตั้งแต่ 165 ลิตร ไปจนถึง 910 ลิตร และมีการออกแบบทางเรขาคณิตให้เบาและทนทานกว่าที่เคย
ใช้เชื้อเพลิงได้คุ้มกว่าที่เคย
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Scania ขนาด 13 ลิตร จะมาพร้อมกับชุดเพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิงที่ติดตั้งเข้ากับผนังด้านข้าง ทำให้เข้าบำรุงรักษาได้ง่าย อีกทั้งเพิ่มพื้นที่สำหรับบรรจุปริมาณเชื้อเพลิงในถัง ถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่มีน้ำหนักที่เบากว่า ให้ระยะการทำงานที่ไกลขึ้น และมั่นใจได้ว่าสามารถใช้เชื้อเพลิงในถังของคุณได้คุ้มกว่าที่เคยเป็นมา
ปรับปรุงอัตราส่วน AdBlue
ถัง SCR ที่ติดตั้งด้านข้างของรถ Scania เป็นส่วนสำคัญของการควบคุมการปล่อยมลพิษที่ดีของระบบส่งกำลัง Scania ระบบ Scania Twin SCR มาพร้อมความจุ AdBlue ที่มากขึ้น โดยส่งผ่านถัง SCR ขนาด 123 ลิตรและ 150 ลิตร เพื่อให้แน่ใจว่าได้อัตราส่วนปริมาตร 1:1 เต็มระหว่างเชื้อเพลิงรถบรรทุก Scania และ AdBlue
- แชสซีส์ประกอบด้วยชุดโครงตรงสำหรับรูปแบบเฟรมมีรู โดยมีรูที่ละเอียดสำหรับการยึดชิ้นส่วนทั้งด้านในและด้านนอกของเฟรม ทำให้ได้โครงผังแชสซีส์สามารถปรับแต่งและออกแบบได้มากขึ้น สามารถสร้างผังแชสซีส์ได้หลากหลายแบบ
- โครงผังแชสซีส์ช่วยให้สามารถใช้เชื้อเพลิงได้มากขึ้น และสามารถใช้อัตราส่วน SCR/เชื้อเพลิง แบบ 1:1 ได้ ทำให้ได้ช่วงการทำงานที่มากขึ้น
- แชสซีส์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจุเชื้อเพลิงและการกระจายโหลด ทั้งยังส่งผลให้สามารถเพิ่มน้ำหนักบรรทุกสินค้าสำหรับลูกค้าของเราได้
- ความยืดหยุ่นขององค์ประกอบในแชสซีส์ที่ปรับปรุงใหม่ช่วยให้รถบรรทุกกับโครงตัวถังประกอบเข้าด้วยกันได้ดียิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการประกอบตัวถังเข้ากับรถสะดวกและประหยัดยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยปรับปรุงการยึดเกาะถนน น้ำหนักบรรทุกสินค้า และประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย ตัวอย่างเช่น โครงผังใหม่นี้ทำให้สามารถยึดชิ้นส่วนประกอบแชสซีส์ (เช่น ถังน้ำมันเชื้อเพลิง) โดยเริ่มจากด้านหน้า หรือเพลาหลังก็ได้ การกระจายน้ำหนักที่ได้รับการปรับปรุงสามารถเพิ่มศักยภาพของน้ำหนักบรรทุกสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ให้มีพื้นที่ว่างสำหรับส่วนประกอบแชสซีส์อื่น ๆ เพิ่มเติม
เล็กกว่า ฉลาดกว่า เบากว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า ควบคู่ไปกับ Scania Super เรายังได้เปิดตัวโปรแกรมแชสซีส์และถังน้ำมันเชื้อเพลิงแบบยืดหยุ่น ที่จะช่วยให้รถบรรทุกวิ่งได้ระยะทางที่เท่ากันหรือมากกว่าด้วยถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีขนาดเล็กลง เมื่อนำทุกอย่างเข้ามารวมกัน
หากจะพูดถึงการพัฒนารถบรรทุกที่ประหยัดพลังงานที่สุดที่อุตสาหกรรมขนส่งเคยมีมาแล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างมีความสำคัญ นี่คือเหตุผลที่ Scania ได้ทุ่มทรัพยากรจำนวนมากในการพัฒนาแชสซีส์และถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ปรับแต่งได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตระหนักถึงศักยภาพของเครื่องยนต์ใหม่ ระบบบำบัดไอเสีย ชุดเกียร์ และเพลาหลัง
"ชุดถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ออกแบบให้เราสามารถใช้งานเชื้อเพลิงในถังได้สูงสุด ปรัชญาของเราในระหว่างพัฒนาโครงการคือ "เอาน้ำหนักที่บรรทุกเชื้อเพลิงน้อยลง ไปรับน้ำหนักบรรทุกของเพิ่มแทนได้" Aline Ferraz Larsson วิศวกรออกแบบของ Scania R&D กล่าว
แชสซีส์และถังน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ เปิดตัวถังน้ำมันเชื้อเพลิงรูปตัว D ทำจากอลูมิเนียม ตัวถังทนทานเหมือนเดิม แต่ที่สำคัญคือน้ำหนักเบากว่า และการออกแบบของถังยังทำให้ใช้เชื้อเพลิงได้คุ้มค่ามากขึ้น ทั้งรวมการติดตั้งถัง SCR ไว้ด้านข้างด้วย ทั้งหมดนี้ช่วยให้รถทำงานได้ระยะมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน นักพัฒนาของ Scania ได้ปรับปรุงความยืดหยุ่นของเฟรมและองค์ประกอบแชสซีส์
"สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นในการวางถังน้ำมันเชื้อเพลิงบนเฟรม ถือเป็นการปรับปรุงที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งพวกเขาและผู้สร้างตัวถังรถบรรทุก เนื่องจากจะสร้างโอกาสในการกระจายโหลดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น" Paula Pukk หัวหน้าทีมติดตั้งระบบ SCR ของ Scania กล่าว
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Scania มีประสิทธิภาพที่ไม่มีใครเทียบได้คือ อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิงอันชาญฉลาด อุปกรณ์นี้ติดตั้งอยู่กับถังน้ำมันเชื้อเพลิงหลักและทำหน้าที่เป็นถังดักไอน้ำมัน
"การติดตั้งถังดักไอน้ำมันด้วยปั๊มไฟฟ้าช่วยให้ผู้ใช้มี 'เชื้อเพลิงแบบสั่งได้' เราจะได้รับปริมาณเชื้อเพลิงตามที่เครื่องยนต์ต้องการเป๊ะ แต่ไม่มากกว่านั้น" Alex Elofsson Alenius วิศวกรที่พัฒนาโครงการนี้อยู่อยู่กล่าว
อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพเชื้อเพลิง ทำให้ลูกค้าได้รับการปรับปรุงอื่น ๆ ตามมา รวมไปถึงสมรรถนะโดยรวมของระบบส่งกำลัง ช่วงระยะเวลาการต้องเข้าบำรุงรักษาสำหรับตัวกรองเชื้อเพลิงแบบใช้แรงดันสองตัวก็ห่างขึ้น ช่วงระยะเวลาการต้องเข้ารับการบำรุงรักษาเหล่านี้สอดคล้องกับช่วงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งหมายความว่าการเข้าโรงซ่อมน้อยลง และมีเวลาวิ่งงานบนท้องถนนมากขึ้น
ตัวอย่างรูปแบบที่หลากหลายของแชสซีส์ใหม่ scania
R-series 500 แรงม้า B4x2
ข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบอยู่ที่นี่
G-series 560 แรงม้า XT 8x4
ข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบอยู่ที่นี่
P-series 420 แรงม้า B4x2
ข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบอยู่ที่นี่
ทดสอบภาคสนามกับ Scania R-series 560 XT
ประหยัดน้ำมันขึ้น สะดวกสบายขึ้น และขับขี่ได้ดีกว่าเดิมมาก ระบบส่งกำลังใหม่ ทำให้บริษัทขนส่ง Fermgruppen AB และคนขับ Frida Lautin ทำงานได้ง่ายขึ้นในขับรถส่งไม้ประจำวันในป่าทางตอนเหนือของสวีเดน
ต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า นี่คือสิ่งที่คุณจะเห็นสุดลูกหูลูกตา เมื่อเดินทางผ่านชนบทของเขต Västernorrland และ Gävleborg ทางตอนเหนือของสวีเดน เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางหลักของอุตสาหกรรมป่าไม้ของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกเยื่อไม้ กระดาษ และไม้แปรรูปรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
บริษัทขนส่ง Fermgruppen AB ซึ่งตั้งอยู่ใน Sundsvall เป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งสินค้าหลายแห่งที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมไม้เข้าด้วยกัน ซึ่งในปี 2018 ได้สร้างมูลค่าการส่งออกถึง 145 พันล้านโครนสวีเดน
ในแต่ละวัน รถบรรทุกของ Fermgruppen ขับลึกเข้าไปในป่ารอบ ๆ Sundsvall ขนถ่ายท่อนซุงจำนวนหกสิบตันจากเครื่องจักรยกซุงอันว่องไว ที่รับต่อมาจากเครื่องตัดต้นไม้อันแม่นยำ
Richard Ferm เจ้าของของ Fermgruppen ตั้งแต่เด็กเขาฝันอยากมีรถบรรทุกของตัวเอง แล้วเขาก็ได้ทำตามความฝัน แต่การทำงานในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงที่กำไรน้อยลงทุกวัน เขาก็ไม่เอาแต่เพ้อฝัน
เขาบอกว่ารถบรรทุกที่ประหยัดน้ำมันเป็นสิ่งสำคัญ แต่นอกเหนือจากนั้นต้องเชื่อถือได้ในทุกสภาพอากาศ สำหรับการใช้ในเส้นทางในป่าแสนขรุขระที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามสภาพอากาศ
"สิ่งที่สำคัญที่สุดของรถบรรทุกซุง คือต้องเข้าป่าไปได้และออกมาให้ได้ รถบรรทุกต้องเชื่อถือได้ เรามักขับรถในเขตที่สัญญาณโทรศัพท์ครอบคลุมไม่ถึง และต้องใช้วิทยุสื่อสารระหว่างรถบรรทุกแต่ละคัน ในกรณีที่รถคันใดคันหนึ่งมีปัญหา
"รถต้องทำงานในสภาพอากาศร้อนและมีฝุ่นมาก และยังต้องทำงานในสภาพอากาศหนาว พื้นเป็นน้ำแข็งและหิมะตกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องความปลอดภัยของคนขับรถ พวกเขาต้องขับรถได้อย่างปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งถนนที่เราไป มักแคบและไหล่ทางทรุด
รถบรรทุกที่ Fermgruppen กำลังทดสอบคือ Scania 560 R XT ขนาดเครื่องยนต์ 13 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ G33 บริษัทได้เข้าร่วมการทดสอบภาคสนามกับ Scania มาแล้วสองครั้งก่อนหน้านี้ และการทดสอบในครั้งนี้เริ่มต้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 จนถึงตอนนี้ Richard Ferm พอใจกับการทำงานของรถ
"ผมได้ลองไปขับรถมาหลายครั้งแล้ว ข้อดีหลักที่ผมเห็นนอกเหนือไปจากอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง คือการขับขี่ที่ง่ายและสภาพแวดล้อมของคนขับ ในห้องโดยสารมันเงียบมาก แล้วผมยังรู้สึกว่าระบบเกียร์มันดีจริง ๆ"
พนักงานขับรถ Frida Lautin กล่าวว่า "งานของเราต้องขับกันบนถนนที่ไม่ดี รถบรรทุกทั่วไปมักมีเสียงดังและกระเทือนเยอะ ซึ่งทำให้คุณหนื่อยล้าได้ แต่นั่นไม่ใช่กับรถ Scania เพราะในห้องโดยสารมันเงียบมาก และรถค่อนข้างเสถียรและนุ่มนวลเวลาขับ ซึ่งดีสำหรับร่างกายเราเองด้วย"
คุณต้องการติดต่อกับเราไหม?
ส่งข้อความเพื่อให้เราบริการคุณได้ที่นี่
ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายและการกำหนดรูปแบบโมดูลาร์ คุณจึงสามารถสร้างรถบรรทุกให้เหมาะกับสไตล์การบรรทุกของคุณ ด้วยความวางใจกับ Scania